ปราสาทแห่งกรุงปรากเป็นสถานที่แห่งหนึ่งที่มีผู้คนเข้าเยี่ยมชมมากที่สุด และเป็นจุดสำคัญที่สุดของทั้งเมือง เปรียบดั่งว่าเป็นอัญมณีที่ล้ำค่าแห่งเมืองหลวงของเช็ก ปราสาทแห่งนี้เป็นสัญลักษณ์อันเก่าแก่ของแผ่นดินเช็ก และความน่าเป็นไปได้ที่สุดคือ เจ้าชายโปริโวค (Prince Borivoj) เป็นผู้ที่ค้นพบเมื่อปี ค.ศ. 880 โดยตัวปราสาทเองเป็นเสมือนกับเมืองน้อยๆ เมืองหนึ่ง และตามที่หนังสือกินเนตส์ (Guinness Book of World Records) ได้บันทึกไว้ว่า เป็นปราสาทที่มีการเชื่อมโยงกันระหว่างส่วนประกอบต่างๆของปราสาทที่ใหญ่และซับซ้อนที่สุดในโลก ครอบคลุมพื้นที่ถึง 70,000 ตารางเมตร (437.5 ไร่) และยังคงใช้งานอยู่ในปัจจุบันนี้
ส่วนประกอบต่างๆของตัวปราสาททั้งหมดตั้งอยู่บนยอดเนินเขาและลดหลั่นลงมาจนถึงชายฝั่งด้านซ้ายของแม่น้ำวัลตารา (Vltava River) ตัวปราสาทอาจดูไม่เหมือนปราสาทแบบดั้งเดิมเป็นเพราะจากกรสร้างที่ได้กระจายออกไปตามแนวราบมากกว่าแนวตั้ง
สิ่งที่ดึงดูดและสะดุดตาสำคัญๆ ต่อนักท่องเที่ยวคือมหาวิหารเซนต์วิตัส แคทเทอร์ดรอล (St Vitus cathedral) มหาวิหารหลังนี้สร้างมาตั้งแต่สมัยศัตวรรษที่ 14 เป็นการสร้างแบบสถาปัตยกรรมโกธีก (Gothic) ที่ได้ตกแต่งประดับประดาไปด้วยหัวสัตว์ประหลาดมากมายที่ทำด้วยหินตั้งอยู่บนหลังคาและปากท่อรางน้ำฝน ส่วนภายในของมหาวิหารนักท่องเที่ยวจะได้พบกับความงามอันประณีตของสถานที่ฝังศพต่างๆ และคุณยังสามารถปีนไต่ขึ้นไปบนยอดสุดของหอระฆังได้ ซึ่งเป็นจุดที่สูงสุดของปราสาทและสามารถชมความงามของตัวเมืองทั้งหมดจากมุมสูงตรงนั้น นอกจากนั้นมหาวิหารแห่งนี้ยังมีห้องสำหรับสวดมนต์เล็กที่อยู่ด้านข้างรอบๆ และสิ่งหนึ่งที่น่าทึ่งของห้องสวดมนต์เล็กของ เซนต์ เวนเซสลาส คือกำแพงฝาผนังที่ประดับได้ด้วยพลอยและหินที่มีสีสันสดใสระรานตา
รอบๆตัวปราสาทมีจุดที่น่าสนใจอยู่หลายแห่งอย่างเช่นถนนโกลเด้น เลน (Golden Lane) ซึ่งเป็นห้องแถวร้านค้าเล็กๆตั้งอยู่เรียงราย ซึ่งครั้งหนึ่งในอดีตห้องแถวเหล่านี้เคยใช้เป็นบ้านพักของทหารยามเฝ้าพระราชวัง พระราชวังเก่ามีการสร้างหลังคาที่มีรูปทรงแหลมสูงแบบสถาปัตยกรรมโกธีกตอนปลาย หรือเรียกอีกอย่างว่าสถาปัตยกรรมโกธีกวิจิตร (late Gothic) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของปราสาทที่ตั้งตระหง่านอยู่ทุกวันนี้ เช่นเดียวกันกับ มหาวิหารบาซิลลิกา ออฟ เซนต์จอร์จ (The Basilica of St George) และพิพิธภัณฑ์บ้านประวัติศาตร์แห่งเซ็ก (The Museum of Czech History Housed) ตั้งอยู่ในพระราชวังโลปโควิซ (Lobkowicz Palace) และอีกแห่งที่บริเวณใกล้เคียงกันนั้นคือ หอคอยดาลิโบรก้า (Daliborka Tower) ได้ตั้งชื่อหอคอยตามขุนนางท่านหนึ่งผู้ที่เคยถูกกักกันเป็นนักโทษในที่แห่งนั้น และหอคอยเดอะเพาว์เดอร์ (The Powder Tower) ได้เคยเป็นสถานที่นักเคมีได้ทำการทดลองพยายามที่จะเปลี่ยนเหล็กให้เป็นทองคำ
ทำเนียบของประธานาธิบดี
ปราสาทแห่งกรุงปรากเป็นยังเป็นที่ตั้งของทำเนียบประธานาธิบดีแห่งสาธารณะรัฐเช็กเช่นเดียวกัน ปราสาทแห่งนี้เป็นศูนย์กลางแห่งประวัติศาสตร์และการเมืองประเทศของเรา จะได้เห็นสองอนุสาวรีย์ซึ่งเป็นอนุสรณ์สถานการสู้รบของ ไททัน (Titans) ตั้งอยู่เหนือประตูทางเข้า คุณจะรับรู้ได้ถึงอารมณ์ความรู้สึกเมื่อเวลาที่คุณได้เดินผ่านประตูเข้าสู่ปราสาทอันซับซ้อนและใหญ่โตมโหฬารแห่งนี้ รวมไปถึงพระราชวัง, โบสถ์สามแห่ง, คอกม้าของราชสำนัก, ที่พักอาศัยของพระ และที่แน่นอนคือสวนรอบๆปราสาทได้รับการตกแต่งอย่างสวยสดงดงาม ความเป็นที่สุดและความสูงตระหง่านเหนือกรุงปรากคือความที่สง่างามอย่างยิ่งและความยิ่งใหญ่ของมหาวิหารเซนต์วิตัส (St Vitus cathedral)
การผลัดเปลี่ยนเวรยามของทหารรักษาพระองค์
พิธีการนี้กระทำที่หน้าปราสาททุกๆวันตั้งแต่เวลา 05:00 น.จนถึงเวลา 23:00 น.การผลัดเปลี่ยนเวรยามของทหารรักษาพระองค์ในตอนบ่ายจะรวมถึงพิธีการประโคมแตรเดี่ยวพร้อมด้วยพิธีเชิญธงในบริเวณลานปราสาทชั้นแรก
การเที่ยวชมปราสาทกรุงปราก
การเที่ยวชมมีอยู่ด้วยกันสองรูปแบบ คือการเที่ยวชมแบบใช้เวลาระยะยาวที่จะรวมไปถึงการเที่ยวชมพระราชวังเก่า การแสดงนิทรรศการที่มีชื่อเรียกว่า “ประวัติศาสตร์เรื่องราวของปราสาทแห่งกรุงปราก”มหาวิหาร เซนต์จอร์จบาซิลลิกา (The St George’s Basilica) สำนักแม่ชีแห่งมหาวิหาร เซนต์จอร์จ, ห้องแสดงผลงานภาพถ่ายแห่งชาติ, ห้องแสดงผลงานภาพถ่ายของปราสาทกรุงปรากและถนนโกลเด้นเลน (Golden Lane) กับ หอคอยดาลิโบรก้า (Daliborka Tower) ในการเที่ยวชมทั้งหมดจะได้นำพาโดยไกด์ทัวร์มืออาชีพและคุณจะได้ยินการอธิบายสถานที่และความเป็นมา เป็นภาษาอังกฤษ, ภาษาเยอรมัน, ภาษาฝรั่งเศส, ภาษาสเปน, ภาษาอิตาลี, และภาษารัสเซีย
ไปให้ถึงปราสาทกรุงแห่งปรากได้อย่างไร
ไปถึงที่นั่นด้วยการเดิน
จากจุดเริ่มต้น ขอแนะนำสถานีรถไฟฟ้าเมโทร มาโลสตรานก้า (สาย A) Metro station Malostranská (line A) ซึ่งตั้งอยู่ตรงด้านล่างของปราสาทกรุงปราก จากจุดนั้นคุณก็เดินขึ้นบันไดเก่าของปราสาท (Staré zamecké schody) และตรงเข้าสู่ประตูทางเข้าปราสาท ข้อแนะนำในทางเลือกอื่นๆคือเดินจากจตุรัสของ เลสเซอร์ ทาวน์ (Lesser Town)จากถนน เนรูโดวา (Nerudova Street) คุณจะมาพบกับประตูทางเข้าหลักของปราสาท แต่ข้อแนะนำนี้ไม่เหมาะแก่ผู้สูงอายุ
ไปถึงที่นั่นด้วยรถราง
ถ้าหากคุณไม่ต้องการที่เดินขึ้นบันไดเก่าของปราสาท คุณสามารถที่จะใช้บริการของรถรางเพื่อการขึ้นเนินเขาด้วยรถรางหมายเลข 22 และลงป้าย ปราสกี้ ฮราด (Pražský Hrad)
จุดจอดของรถรางรวมถึง:
• คราโลฟสกี้ (เบลเวเดอร์) Královský letohrádek (Belveder) – เริ่มต้นจากสวนราชสำนัก, เบลเวเดอร์และอาคารเล่นเกมส์ลูกบอล (Ballgame Hall), จากนั้นก็ข้ามสะพานเดียร์โมทบริต (Deer Moat bridge) เพื่อเข้าสู่ลานปราสาทชั่นที่ 2 สวนราชสำนักและเดียร์โมทจะปิดให้เข้าชมตั้งแต่ เดือนพฤศจิกายน จนถึง มีนาคม
• โปโฮเรเลค (Pohořelec) – เดินผ่านเขตฮราดเคนี (Hradčany) และคุณก็จะถึงประตูทางเข้าหลักของปราสาท
ค่าผ่านประตู
บางสถานที่ในปราสาทต้องจ่ายค่าผ่านประตู แต่ผู้ที่เข้าเยี่ยมชมสามาถที่จะเดินเล่นได้อย่างอิสระทั่วไปทุกสถานที่และแม้แต่สามารถที่จะเข้าไปในบางสถานที่ใหญ่ๆของมหาวิหาร การซื้อบัตรผ่านประตูสำหรับกลุ่ม สามารถซื้อได้ที่สำนักงานประชาสัมพันธ์ เพื่อให้ได้มีเวลาอย่างน้อย 4 ชั่วโมงในการเยี่ยมชม ข้อมูลเพิ่มเติมอื่นๆสามารถค้นหาได้ที่เว็บไซด์ทางการสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมของปราสาทกรุงปราก
บัตรผ่านประตูเข้าชมที่ใช้เวลาระยะยาว (ราคา 350 CZK) จะรวมไปถึงการเข้าชม มหาวิหารเซนต์วิตัส (Cathedral of St Vitus), พระราชวังเก่า, นิทรรศการ “ประวัติเรื่องราวของปราสาทกรุงปราก” เซนต์จอร์จบาซิลลิกา (St George‘s Basilica), สำนักแม่ชีแห่งเซ็นต์จอร์จ, การแสดงภาพถ่ายแห่งชาติ, ถนนโกเด้นเลนกับหอคอยดาไลบอร์ก้า, การแสดงภาพถ่ายของปราสาทปราก, หอคอยเดอะเพาว์เดอร์, พระราชวังโรเซนเบิร์ค (Rosenberg Palace) เป็นต้น
บัตรผ่านประตูเข้าชมที่ใช้เวลาระยะสั้น (ราคา 250 CZK) รวมไปถึงการเข้าชม มหาวิหารเซนต์วิตัส (Cathedral of St Vitus) พระราชวังเก่า, เซนต์จอร์จบาซิลลิกา (St George‘s Basilica), ถนนโกเด้นเลนกับหอคอยดาไลบอร์ก้า, นิทรรศการ “ประวัติเรื่องราวของปราสาทกรุงปราก”, การแสดงภาพถ่ายของปราสาทปราก, หอคอยเพาว์เดอร์, หอคอยใหญ่ทางทิศใต้ของมหาวิหารเซ็นต์วิตัส (Great South Tower of Cathedral of St Vitus)
เวลาเปิดทำการให้เข้าชมของปราสาทแห่งกรุงปราก
ระยะเวลาในช่วงฤดูร้อนซัมเมอร์ (เมษายน – กันยายน) อาคารส่วนต่างๆของปราสาทที่ชมฟรีจะเปิดทำการทุกวันตั้งแต่เวลา 05:00 จนถึง 24:00 น. ส่วนสถานที่ต่างๆที่ต้องทำการซื้อบัตรผ่านประตูนั้นจะเปิดทำการตั้งแต่ 09:00 จนถึง 18:00 น. สวนราชสำนักและเดียร์โมทของปราสาทกรุงปรากจะเปิดให้เข้าชมตามเวลาและเดือนต่างๆดังนี้ เมษายน และ ตุลาคม ตั้งแต่เวลา 10:00 จนถึง 18:00 น. พฤษภาคม และ กันยายน ตั้งแต่เวลา 09:00 จนถึง 19:00 น. สิงหาคมตั้งแต่เวลา 09:00 จนถึง 20:00 น.มิถุนายนและกรกฎาคม ตั้งแต่เวลา 09:00 จนถึง 21:00 น. ตลอดช่วงฤดูหนาว (ตุลาคม – มีนาคม) สถานที่ส่วนต่างๆเปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 06:00 จนถึง 23:00 น. และสถานที่ต่างๆที่ต้องซื้อบัตรผ่านประตูจะเปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 09:00 จนถึง 16:00 น. ส่วนสวนของปราสาทกรุงปรากรวมไปถึงเดียร์โมทและลานโรงเรียนฝึกม้าจะปิดในช่วงเวลาดังกล่าว
ข้อแนะนำในการชมปราสาท
อย่าพลาดแวะเยี่ยมชมถนนโกลเด้นเลน หากคุณต้องการที่จะจับจ่ายซื้อของที่นั่นแต่กรุณาตระหนักว่าสถานที่แห่งนี้เป็นแหล่งช็อปปิ้งที่แพงที่สุดในกรุงปราก ตามด้วยถนนปาริซสก้า (Pařížská Street) สำหรับอาหารมื้อเย็นหรือว่าอาหารมื้อกลางวันที่ปราสาทกรุงปราก จะมื้อเป็นที่ถูกอกถูกใจอย่างแน่นอนแต่ราคาค่าอาหารค่อนข้างที่จะแพงเอาการ ถ้าหากคุณเข้าชมปราสาทกับเด็กๆบางทีคุณไม่ควรที่จะพลาดเข้าชมพิพิธภัณฑ์ตุ๊กตา (Toy Museum) ซึ่งตั้งอยู่ตรงศูนย์ประชาสัมพันธ์ในลานชั้นที่สาม
เคล็ดลับเที่ยวปราสาทปราก
จุดตรวจความปลอดภัย
เมื่อไปยังปราสาทปรากจากจัตุรัส Hradčanské คุณจะเจอคิวที่ยาวแน่นอน หากคุณต้องการหลีกเลี่ยงแถวยาว บางทีตัวเลือกที่ดีที่สุดคือการไปยังปราสาทปรากผ่าน Royal Garden โดยให้ลงจากรถรางที่ป้าย Královský letohrádek 1 ป้ายก่อน Pražský hrad ซึ่งแทบจะไม่มีการยืนรอคิวเลยหลังจากเวลา 16.00 น. และในวันที่ฝนตก
แหล่งทานอาหารที่ปราสาทปราก
มีตัวเลือกร้านอาหารราคาแพงไม่กี่แห่ง ความคิดที่ดีคือการนำขนมและเครื่องดื่มติดตัวไปด้วย ซึ่งสามารถหาซื้อตามร้านขายของทั่วไปได้
การซื้อของที่ปราสาทปราก
สำหรับการซื้อของ อย่าลืมไป Golden Lane แต่ต้องระวังให้ดีเพราะว่าที่นี่คือหนึ่งในย่านร้านค้าที่แพงที่สุดของปราก
เดินทางมากับเด็ก?
คุณอาจต้องการไปยังพิพิธภัณฑ์ของเล่น ซึ่งมีการจัดแสดงของเล่นขนาดใหญ่ตั้งแต่ยุคกรีกโบราณไปจนถึงปัจจุบันถูกรวบรวมเอาไว้จากทั่วโลก